กองทุน SSF มาแล้ว ถือได้ 10 ปี ลดหย่อนภาษีได้ 2 แสนบาท
กองทุนกองใหม่ แทน กองทุน LTF ปีหน้า ชื่อว่า "กองทุน SSF"
- SSF ชื่อเต็มว่า กองทุนรวมเพื่อการออม หรือ (Super Savings Fund
- บุคคลธรรมดาสามารถเอาเงินลงทุนที่ลงทุนใน SSF ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุน SSF ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้หรือกองทุนรวม ยืดหยุ่นมากกว่า LTF ที่กำหนดให้ลงทุนในหุ้นสามัญในประเทศไม่ต่ำกว่า 65%
- กองทุน SSF จะไม่มีกำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน และไม่กำหนดเงื่อนไขในการซื้อต่อเนื่อง แปลว่า ปีไหนไม่ซื้อ ก็ไม่ผิดเงื่อนไขอะไร เช่นเดียวกับ LTF อันเดิม
- ผู้ซื้อกองทุน SSF จะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข ก็คือ ต้องถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ซึ่งเงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน SSF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด (ยาวกว่า LTF ที่ถือเพียงแค่ 7 ปีปฏิทิน)
- SSF จะให้ประโยชน์ทางภาษีแค่ 5 ปี คือ สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF ได้ 5 ปี (2563 - 2567) หลังจากนั้น จะพิจารณาอีกที
- สำหรับกองทุน RMF จะมีการปรับสัดส่วนการหักลดหย่อนภาษีสำหรับเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF จากเดิมไม่เกิน 15% เป็นไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน โดยยังคงกำหนดวงเงินหักลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท แต่นับรวมกับกองทุนอื่นๆในวงเงินด้วย (กองทุน SSF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ, หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ)
- ยกเลิกการกำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อกองทุน RMF ซึ่งจากเดิมคือ 5,000 บาท เป็นเท่าไหร่ก็ได้แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี โดยต้องไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกันเหมือนเดิม
- สำหรับ กองทุน LTF จะสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในปี 2562 นี้ ใครซื้อกองทุน LTF ในปี 2563 เป็นต้นไป ยังซื้อได้ แต่ไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้แล้วนะครับ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าววันนี้
Post a Comment